ความจริงแล้วโรคภูมิแพ้ในเด็กนั้นค่อนข้างที่จะละเอียดอ่อนและแฝงความอันตรายอยู่พอสมควร เนื่องจากเป็นโรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันในร่างกายของลูกน้อย ซึ่งเป็นวัยที่ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้กันมากขึ้นค่ะ

มาทำความรู้จักโรคภูมิแพ้ในเด็ก

โรคภูมิแพ้ในเด็กคืออะไร?

ข้อมูลจาก แพทย์หญิงอิสรีย์ ลีลายุวัฒนกุล👩‍⚕️ ตำแหน่งกุมารแพทย์ โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน โรงพยาบาลธนบุรี2 ได้กล่าวว่า โรคภูมิแพ้ในเด็กนั้นมีสาเหตุที่ร่างกายมีการตอบสนองของภูมิคุ้มกันในร่างกายที่มากกว่าปกติ โดยการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆนั่นเองที่ทำให้เกิดอาการแพ้ โดยอาการแพ้เหล่านั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดของโรคภูมิแพ้ที่เป็น หรือ ระบบต่างๆในร่างกาย

ชนิดของโรคภูมิแพ้ที่มักพบในเด็ก

โรคภูมิแพ้ผิวหนัง🫠

เด็กจะมีอาการคัน ผิวแห้ง มีผื่นตามใบหน้าข้อพับต่างๆ และจะเป็นๆหายๆ ขึ้นอยู่กับปัจจัยกระตุ้นและสภาพผิวหนัง

โรคภูมิแพ้อาหาร

✨สามารถเป็นได้ที่ระบบทางเดินอาหาร - คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว

✨ระบบทางเดินหายใจ - หายใจลำบาก แน่นหน้า อก ไอ

✨ระบบผิวหนัง - หน้าบวม ตาบวม ปากบวม ผื่นลมพิษ

✨หากมีอาการแพ้หลายระบบ - อาจรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้

โรคภูมิแพ้จมูก🤧

มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอจาม เป็นๆหายๆ ขึ้นกับสภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น มลภาวะ สารก่อภูมิแพ้ เป็นต้น

โรคภูมิแพ้ที่ตา👁️

จะมีอาการคัน เคืองตา น้ำตาไหล กระพริบตาบ่อย โดยมักจะพบร่วมกับโรคภูมิแพ้จมูก

โรคหืด

แน่นคอ เหนื่อย มีการไอ หายใจเสียงดังวี้ด

ต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อลูกเป็นภูมิแพ้

แพทย์หญิงอิสรีย์ ลีลายุวัฒนกุล ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า

✨ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่จะกระตุ้นที่จะทำให้เกิดการภูมิแพ้ เช่น มลภาวะต่างๆ การติดเชื้อ โดยสามารถล้างมือบ่อยๆ และ ใส่หน้ากากอนามัย

✨ จัดของในบ้านให้เป็นระเบียบ โดยเฉพาะห้องนอน🛏️ โดยควรทำความสะอาดผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์ ใช้หมอนและผ้าห่มเท่าที่จำเป็น เวลาทำความสะอาดให้ใช้น้ำร้อนอุณหภูมิมากกว่า 55°C 

✨ หากเลี้ยงสุนัข🐕หรือแมว ควรอาบน้ำสัตว์ให้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

✨ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

✨ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

✨ พักผ่อนให้เพียงพอ💤

✨ และผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกๆปี

โดยหากผู้ปกครองท่านใดสังเกตว่าลูกหลานอาจเป็นโรคภูมิแพ้ที่กล่าวมาข้างต้นก็อย่าลืมพาไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธีนะคะ