การเจาะตรวจน้ำคร่ำ
รับชม
4,870
ทำไมต้องตรวจ?💡
เราทราบดีว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกๆคนต่างหวังว่าทารกในครรภ์จะคลอดออกมาอย่างสมบูรณ์และปลอดภัย แต่ในบางกรณีก็อาจพบว่าทารกที่คลอดออกมามีความผิดปกติของโครโมโซม หรือ ภาวะปัญญาอ่อน ดังนั้นการเจาะตรวจน้ำคร่ำ (Amniocentesis) เป็นวิธีที่สามารถหาความผิดปกติของโครโมโซมของทารกก่อนการคลอดได้ เพื่อที่ว่าหากพบความผิดปกติคุณพ่อคุณแม่ร่วมกันตัดสินใจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์นี้ค่ะ
ตรวจอย่างไร?💉
แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กเจาะเก็บน้ำคร่ำผ่านทางหน้าท้องของคุณแม่จนถึงน้ำคร่ำของทารก โดยระหว่างทำการเจาะตรวจ จะสามารถเห็นจากจอภาพอัลตร้าซาวด์ไปด้วย การทำการเจาะน้ำคร่ำนั้นจะทำในช่วงสัปดาห์ที่ 16-20 ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกมีน้ำคร่ำมากเพียงพอประมาณ 20 ซีซีนั่นเอง
TMI จาก BabyBilly👩⚕️:
หลังทำการตรวจเจาะแล้ว น้ำคร่ำที่ได้ออกมานั้นจะมีเซลล์ของทารกอยู่ด้วย ซึ่งแพทย์จะสามารถดูจำนวนโครโมโซมได้จากเซลล์เหล่านี้ คุณแม่บางคนอาจกังวลว่าหากเจาะน้ำคร่ำไปตรวจแล้วลูกในครรภ์จะเป็นอะไรไหม แต่ไม่ต้องห่วงนะคะเพราะน้ำคร่ำที่ถูกเจาะไปนั่นจะสร้างขึ้นใหม่ได้ภายใน 24 ชั่วโมง และจะไม่มีผลกระทบใดๆต่อลูกน้อยในครรภ์ค่ะ
ควรปฏิบัติตัวอย่างไรก่อนการตรวจ
ก่อนการตรวจแพทย์จะอธิบายและให้ความรู้เกี่ยวกับการตรวจเจาะน้ำคร่ำเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจว่าควรรับการตรวจหรือไม่ หากตัดสินใจว่าจะเข้ารับการตรวจ คุณแม่ไม่จำเป็นต้องงดอาหารและน้ำ แต่ก่อนเข้ารับการตรวจควรจะถ่ายปัสสาวะก่อนนะคะ
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
แม้ว่าการตรวจจะนั้นจะทำโดยใช้เครื่องมือที่ปลอดเชื้อและแพทย์ที่ชำนาญ อย่างไรก็ตามก็มีความเป็นไปได้ที่จะพบภาวะแทรกซ้อนต่างๆหลังการเจาะตรวจน้ำคร่ำ เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด น้ำเดินก่อนกำหนด มีการติดเชื้อของถุงน้ำคร่ำหรือรก โดยภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้นำไปสู่การเสี่ยงการแท้งบุตรได้ 1 ใน 200 คน
การปฎิบัติตัวหลังรับการตรวจ
ให้คุณแม่หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากภายใน 24 ชั่วโมง เช่น การเดินทางไกล การยกของหนัก การเดินขึ้นลงบันได การมีเพศสัมพันธ์ คุณแม่สามารถอาบน้ำได้ปกติ โดยไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดแผลบริเวณที่เจาะน้ำคร่ำ โดยหากมีอาการปวดสามารถขอยาจากคุณหมอเพื่อบรรเทาอาการได้ หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีน้ำเดิน ปวดท้องอย่างรุนแรง มีไข้ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดควรกลับไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ

ดาวน์โหลดแอป Baby Billy และ พบกับบทความที่มีเนื้อหาหลากหลายมากขึ้น

