เราต่างทราบกันดีว่าการพักผ่อนที่ดีที่สุดทำหรับทั้งร่างกายและจิตใจนั่นก็คือการนอนหลับนั่นเอง แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่คะ ว่าประโยชน์ของการนอนหลับหลักๆนั้นไม่ใช่การผ่อนคลายเสียทีเดียว แต่เป็นเรื่องของการเปิดโอกาสให้ร่างกายของเราได้มีเวลาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอจากการที่เราไปใช้ชีวิตประจำวันมาแต่ละวัน สำหรับเด็กเล็กหรือมารกที่ไม่ได้ออกไปใช้แรงกายในชีวิตประจำวันมากนัก ทำไมการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอและเหมาะสมยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขาอยู่ดี วันนี้บทความของเรามีคำตอบให้คุณผู้อ่านค่ะ เราไปเริ่มกันที่การทำความรู้จักการนอนให้มากกว่าขึ้นกันดีกว่าค่ะ💁‍♀️

รู้จักวงจรการนอนหลับ

คุณผู้อ่านทราบมาก่อนหรือไม่คะว่า การนอนหลับของคนเรานั้นมีค่อนข้างหลากหลายภาวะเลย โดยภาวะเหล่านั้นเราก็จะมีความลึกของการนอนที่ไม่เท่ากัน แต่ละภาวะก็จะมีหน้าที่และประโยชน์ที่ต่างกัน และภาวะเหล่านี้ก็จะวนไปเรื่อยๆเป็นวงจรในแต่ละคืน เราจะเรียกวงจรนี้ว่า วงจรการนอนหลับ หรือ Sleep Cycle ค่ะ หากภาวะเหล่านี้ดำเนินไปเป็นปกติในทุกๆคืน ใช้เวลาประมาณ 60 นาทีในแต่ละรอบวงจร🕒 ก็จะถือว่าคนคนนั้นนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพค่ะ เรามาเริ่มทำความรู้จักแต่ละภาวะของการนอนหลับแบบคร่าวๆกันเลยนะคะ

ระยะการหลับที่ไม่กรอกตา 

ภาวะนี้จะประกอบด้วยอีก 3 ระยะย่อยด้วยกัน ได้แก่ ช่วงหลับตื้นที่กินเวลาการนอนทั้งหมดไปประมาณ 2-5% ต่อมาเป็นระยะหลับกลาง ซึ่งกินเวลาการนอนหลับทั้งหมดไปประมาณ 45-55% และสุดท้ายคือระยะหลับลึก ซึ่งกินเวลาไปทั้งหมดประมาณ 5-20% ของการนอนทั้งคืน การนอนหลับแบบไม่กรอกตาทั้งสามแบบนี้จะช่วยส่งเสริมความทรงจำทั้งของเด็กๆและวัยผู้ใหญ่อย่างเราเลยค่ะ✅

ระยะการหลับแบบกรอกตา 

หรือที่เรียกภาษาอังกฤษได้ว่า Rapid Eye Movement Sleep จนทำให้เกิดตัวย่อที่คุณผู้อ่านหลายๆท่านอาจคุ้นหูว่าเป็นระยะการหลับแบบ REM นั่นเองค่ะ ระยะนี้ถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ระยะหลับฝัน😴 ค่ะ ซึ่งจะกินเวลาการนอนทั้งคืนไปประมาณ 20-25% ค่ะ ซึ่งเจ้าระยะหลับฝันนี้จะเป็นระยะหลักๆเลยส่งเสริมเกี่ยวกับพัฒนาการทางสมองของเด็ก ดังนั้นความเชื่อที่ว่าการนอนหลับที่ดีคือการหลับลึกๆแบบไม่ฝันทั้งคืน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในตอนที่เราเหนื่อยมากๆ ถือว่ายังเป็นการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพค่ะ เพราะยังขาดระยะ REM ไป

การนอนหลับและความทรงจำ

    จากย่อหน้าด้านบน คุณผู้อ่านได้รับรู้ถึงวงจรการนอนหลับที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ระยะใหญ่ไปแล้ว เมื่อพูดถึงพัฒนาการทางสมองของเด็ก ส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้ก็คือการมีความทรงจำที่ดีในแต่ละวัน หากเด็กๆรับข้อมูลในแต่ละวันเข้าไป สิ่งที่เด็กๆจำได้ในขณะนั้นจะถูกเรียกว่าความทรงจำระยะสั้น🧠 เพื่อการเรียนรู้ที่ยั่งนืน เด็กๆจำเป็นต้องเปลี่ยนเจ้าความทรงจำระยะสั้นนี้ให้กลายเป็น ความทรงจำระยะยาว ซึ่งการนอนหลับจะมีส่วนช่วยในกระบวนการนี้อย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ

ช่วงที่ร่างกายของเด็กๆยังอยู่ในระยะการนอนหลับแบบไม่กรอกตา 

จะเกิดคลื่นสมองรูปแบบจำเพาะคลื่นหนึ่งชื่อว่า Sleep spindle ซึ่งถ้าเจ้าคลื่นนี้มีปริมาณมากพอก็จะช่วยให้ความทรงจำระยะสั้นนี้อยู่ได้นานขึ้น แม้จะยังไม่ถูกเปลี่ยนเป็นความทรงจำระยะยาว เมื่อความทรงจำระยะสั้นนี้ยังอยู่ได้นานประมาณหนึ่ง แม้จะไม่นานเท่าความทรงจำระยะยาวที่ต้องใช้การฝึกฝนบ่อยๆเข้ามาช่วย แต่ก็ยังนานพอที่จะช่วยทำความเข้าใจกับข้อมูลในวันต่อๆไป ต่อยอดจากความทรงจำในวันเก่าๆได้ สำหรับความทรงจำระยะสั้นนั้น โดยปกติแล้วจะถูกเก็บไว้ที่สมองส่วนหนึ่ง แต่เมื่อสมองต้องการเก็บเป็นความทรงจำระยะยาวจะถูกส่งไปเก็บอีกส่วนหนึ่งค่ะ โดยกระบวนการย้ายที่จัดเก็บของความทรงจำนี้จะเกิดขึ้นได้ดีในช่วงหลับลึก💤 ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งของระยะการนอนหลับแบบไม่กรอกตานั่นเองค่ะ

เด็กๆควรได้นอนหลับมากแค่ไหน

✨เด็กเล็กอายุ 1-2 ปี ควรได้นอนหลับไม่ต่ำกว่า 11 ชั่วโมง

✨เด็กอายุ 3-5 ปี ควรได้นอนหลับไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง

✨เด็กโตอายุ 6-12 ปี ควรได้นอนหลับไม่ต่ำกว่า 9 ชั่วโมง

✨เด็กวัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ควรได้นอนหลับไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงค่ะ

    อ่านมาถึงตรงนี้คุณผู้อ่านก็จะทราบแล้ว ว่าเจ้าตัวน้อยของเราควรได้รับการนอนหลับขั้นต่ำกี่ชั่วโมงในแต่ละวัน ซึ่งวงจรการนอนหลับนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงต่อรอบวงจร หากจะคำนวณว่าคืนนั้นๆ เจ้าตัวน้อยของเราผ่านวงจรนอนหลับมาประมาณกี่วงจร ก็สามารถคำนวณตามชั่วโมงการนอนหลับได้เลยค่ะ

     จบไปแล้วนะคะสำหรับความสำคัญต่อของการนอนหลับต่อเจ้าตัวน้อยของเราอย่างคร่าวๆ แม้จะเปนกิจกรรมปกติที่ทำได้ง่ายๆ ทุกคนต้องทำอยู่แล้วไม่เฉพาะแค่ในเด็กๆ แต่กลับมีความสำคัญต่อสมองของเราไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ นอกจากส่งเสริมให้เด็กๆ👶🏻ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าลืมที่จะนอนหลับอย่างเพียงพอด้วยนะคะ